ถอดเล็บ คือ หัตการอย่างหนึ่งที่จะนำเล็บ(nail plate)บางส่วน หรือทั้งหมดออกจากพื้นเล็บ (nail bed) เพื่อรักษาภาวะต่างๆ เช่น เล็บขบ เล็บติดเชื้อรา เล็บฉีก นอกจากการนำเล็บออกแล้ว บางกรณียังมีการทำหัตการอื่นๆเสริมไปด้วย เช่นการนำรากเล็บออก
เล็บเท้าขบ
เล็บเท้าขบ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยครับเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น
- การใส่รองเท้าที่บีบหน้าเท้าเกินไป
- จากใส่รองเท้าส้นสูง
- อุบัติเหตุมีของแข็งมากระแทกที่เล็บเท้าอย่างแรง
- มีทรงเล็บที่ทำให้เกิดเล็บขบได้ง่าย ทำให้มีเล็บขบซ้ำๆ
- เท้าผิดรูป ทำให้เล็บขบเป็นเรื้อรังไม่หายได้
การตัดเล็บเท้าที่ถูกต้อง
การรักษาเล็บขบ ถ้าเป็นไม่มาก ไม่มีการติดเชื้อเป็นหนอง
ส่วนใหญ่จะสามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง
ด้วยการรักษาความสะอาด ใส่รองเท้าที่พอดีๆ ไม่คับเกินไป การตัดเล็บที่ถูกวิธี การแช่น้ำอุ่น การใช้เทคนิคแทรกสำลีใต้เล็บ และการทานยาแก้อักเสบที่ซื้อตามร้านขายยา (ปรึกษาคุณเภสัชกรก่อนนะครับ)
ถ้าเล็บขบเป็นมาก เช่น มีการติดเชื้อ เป็นหนอง เป็นมานานเรื้อรัง หรือเป็นๆหายๆซ้ำๆ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษา อาจจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการผ่าตัดเล็กๆเพื่อจัดการกับเล็บที่ขบครับ
อ่านเพิ่มเติมเรื่องการรักษาเล็บขบได้ที่นี่ครับการถอดเล็บจะทำเมื่อไหร่
เล็บขบเรื้อรัง ติดเชื้อ เป็นซ้ำๆไม่หายสักที
เล็บขบ
เล็บขบจะมีอาการปวด จากการอักเสบ บวมของเนื้อที่อยู่ข้างๆเล็บ ส่วนใหญ่จะหายได้เองนะครับ ไม่ต้องถอดเล็บ แต่ถ้าเป็นมาก มีการอักเสบติดเชื้อ หรือเป็นมานานไม่หายสักที หรือเป็นซ้ำๆ เป็นแล้วเป็นอีก แบบนี้อาจจะต้องรักษาด้วยการถอดเล็บครับ
สัญญาณว่าเล็บขบมีการติดเชื้อได้แก่
- เล็บขบที่บวม แดง มีหนอง
- ปวดมาก
- มีกลิ่นเหม็น
- มีไข้
เล็บฉีกต้องถอดเล็บทำความสะอาด
เล็บฉีก
เล็บฉีกส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุเช่น เดินเตะขอบโต๊ะ มีของแข็งหล่นใส่เล็บ ถ้ามีเล็บฉีก แล้วมีเลือดออก แบบนี้ควรถอดเล็บครับเนื่องจาก
- การมีเลือดออกมาให้เห็น แปลว่า ความสกปรกหรือเชื้อโรคก็เข้าไปตามรอยเล็บที่ฉีกได้ แบบนี้ควรถอดเล็บมาทำความสะอาดครับ
อาจจะมีส่วนพื้นเล็บ (nail bed) ฉีกขาด ซึ่งอาจจะต้องเย็บซ่อมพื้นเล็บด้วย ไม่อย่างนั้น เมื่อเล็บงอกขึ้นมาใหม่ อาจจะทำให้เล็บไม่เรียบสวยเหมือนเดิมนะครับ
เล็บติดเชื้อรา
เล็บติดเชื้อรา
เล็บติดเชื้อราส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการทายา ทานยา ก่อนครับ แต่ในบางครั้งจะมีเชื้อราฝังอยู่ใต้เล็บ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ออกครับ จะทานยา ทายา รักษายากมากๆ ส่วนใหญ่ต้องถอดเล็บครับ
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็น
เบาหวาน, มีอาการชาเท้า ชาปลายเท้า, ภาวะที่มีเลือดมาเลี้ยงส่วนปลายมือปลายเท้าได้ไม่ดี
เมื่อมีปัญหาทางเล็บเท้า มีแผล หรือเล็บขบ ต้องใส่ใจรักษามากหน่อยนะครับ เนื่องจากแผลเล็กๆ อาจจะลุกลามเป็นแผลที่ใหญ่ขึ้น และรักษายากขึ้นได้
การถอดเล็บมีวิธีไหนบ้าง
การถอดเล็บเป็นหัตถการทำสามารถทำได้ในห้องผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องฉีดยาชาเข้าสันหลัง ส่วนใหญ่แพทย์จะฉีดยาชาบริเวณนิ้วเท้าให้นิ้วเท้านิ้วนั้นๆชา แล้วจึงทำการถอดเล็บ
ก่อนเข้ารับการรักษา ควรปรึกษากับแพทย์ผู้รักษาก่อนว่า การถอดเล็บมีวิธีไหนบ้าง และวิธีไหนเหมาะสมกับโรคของเราที่สุด ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพของเราให้ละเอียด เช่นโรคประจำตัว การแพ้ยา รวมถึงประวัติการรักษาเล็บขบที่ผ่านมาด้วย
การถอดเล็บที่ทำบ่อยๆมีดังนี้
การถอดเล็บบางส่วน
การถอดเล็บบางส่วน
- เป็นการถอดเล็บเฉพาะด้านที่มีปัญหา เช่นเป็นเล็บขบออก ทำให้เล็บส่วนนั้นไม่จิกเนื้อ
- เป็นวิธีที่ใช้รักษาเล็บขบได้ผลดี
ส่วนที่เป็นเล็บขบจะนำออก แต่ส่วนที่เล็บยังปกติดีจะไม่นำออก ดังนั้นช่วงที่รอเล็บงอกจะไม่เจ็บมาก ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การถอดเล็บทั้งเล็บ
การถอดเล็บทั้งเล็บ
- เป็นการถอดเล็บทั้งเล็บ ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีเล็บฉีกรุนแรง หรือมีเชื้อราใต้เล็บ
- การถอดเล็บทั้งเล็บเพื่อรักษาเล็บขบอาจจะมีปัญหาเล็บที่งอกมาใหม่ผิดรูป ทำให้เป็นเล็บขบเรื้อรังได้ และเล็บที่งอกมาใหม่จะใช้เวลานานหลายๆเดือนกว่าจะงอกมาเต็มพื้นเล็บ
ผ่าตัดเนื้อปลายเล็บที่นูนขึ้นมา(ภาพซ้าย) ทำให้เล็บที่งอกออกมาชน
การผ่าตัดเนื้อปลายเล็บ หรือข้างเล็บ
เล็บขบบางแบบ อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการถอดเล็บอย่างเดียว เนื่องจากเมื่อเล็บงอกออกมาใหม่ เล็บจะไปชน หรือบาดกับเนื้อที่อยู่รอบๆเล็บ
- การรักษาให้หายขาด อาจจะต้องผ่าตัดเนื้อบริเวณข้างเล็บหรือปลายเล็บร่วมด้วย
- ลองดูบทความทางการแพทย์ได้ที่นี่ครับ
การถอดเล็บบางส่วน ร่วมกับการผ่าตัดนำรากเล็บออก
การผ่าตัดรากเล็บ
การผ่าตัดแบบนี้จะนำเล็บบางส่วนออก ร่วมกับการนำรากเล็บซึ่งเป็นส่วนที่สร้างเล็บออกด้วย การรักษาวิธีนี้จะทำในกรณี
- เล็บขบเรื้อรัง เป็นแล้วเป็นอีก
- รักษาด้วยวิธีถอดเล็บบางส่วนแล้วไม่หาย เล็บงอกมาใหม่แล้วก็ขบอีก
- ตัวเล็บ (nail plate) มีความกว้างมากกว่าพื้นเล็บ (nail bed) ทำให้เมื่อเป็นเล็บขบได้ง่าย
คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการถอดเล็บ
ถอดเล็บแล้วเล็บจะขึ้นอีกไหม?
ถอดเล็บไปแล้ว เล็บก็ขึ้นอีกได้ครับ เนื่องจากรากเล็บยังอยู่ แต่จะค่อยๆงอกขึ้นอีกครับ โดยเฉลี่ยแล้วจะงอกประมาณ 3 มิลลิเมตรต่อเดือน ดังนั้นต้องอาศัยเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป เล็บจึงจะงอกมาเต็มเหมือนเดิม
การถอดเล็บแบบที่เล็บจะไม่งอกอีก, เล็บไม่ขึ้นอีก ทำได้หรือไม่?
ทำได้ครับ ถ้าเป็นเล็บขบเรื้อรัง หรือเล็บขบที่ถอดเล็บแบบปกติไปแล้วแต่ไม่หาย เป็นซ้ำ
สามารถถอดเล็บบางส่วนร่วมกับการผ่าตัดรากเล็บ(บริเวณเล็บที่นำออก)เพื่อนำส่วนที่สร้างเล็บออกด้วยได้
(เล็บส่วนด้านข้างจะไม่งอกอีก แต่เล็บส่วนอื่นๆก็งอกตามปกตินะครับ)
วิธีถอดเล็บ ทำอย่างไร
- สอบถามอาการ ซักประวัติ และตรวจร่างกายโดยแพทย์
- ปรึกษาถึงแนวทางการรักษา ต้องถอดเล็บหรือไม่ และใช้วิธีใดถึงจะเหมาะสมกับเล็บของเรามากที่สุด
- เมื่อต้องถอดเล็บ ส่วนใหญ่จะทำในห้องผ่าตัดเล็ก แพทย์จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทารอบๆนิ้วเท้าที่จะถอดเล็บเพื่อทำความสะอาด
- ใช้ผ้าสะอาดเจาะกลางปูเพื่อให้เฉพาะนิ้วเท้านิ้วนั้น โผล่ออกมาทำการรักษาได้ ส่วนนิ้วเท้าอื่นๆและเท้าจะมีผ้าสะอาดคลุมอยู่
- แพทย์จะใช้ยาชาฉีดที่โคนนิ้วเพื่อให้นิ้วนั้นชาไปทั้งนิ้ว โดยจะชาไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- รอประมาณ 3-5 นาที จนกว่านิ้วจะชาจริงๆ
ถอดเล็บที่ห้องทำหัตถการในโรงพยาบาล
ผ้าเจาะกลางปราศจากเชื้อสำหรับใช้ปูตอนถอดเล็บ
ฉีดยาชาเฉพาะที่เตรียมถอดเล็บ
- ทำการถอดเล็บตามวิธีที่ปรึกษากันแล้ว
- ถ้ามีการติดเชื้อ อาจจะต้องผ่าตัดระบายหนองออกด้วย
- ตกแต่งเนื้อเยื่อรอบๆและใต้เล็บ
- เย็บซ่อมพื้นเล็บ (nail bed) ถ้าพื้นเล็บบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ทายาปฏิชีวนะ และพันแผลด้วยผ้าสะอาด
ถอดเล็บโดยแพทย์
ทำแผลหลังถอดเล็บ
คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับขั้นตอนการถอดเล็บ
ถอดเล็บเจ็บไหม?
- การถอดเล็บไม่เจ็บครับ เนื่องจากตอนถอดเล็บจะมีการฉีดยาชาก่อนเสมอ ทำให้นิ้วเท้านิ้วนั้นชา ไม่รู้สึกไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง (บางคนกลับไปถึงบ้านแล้วยังชาอยู่เลย)
- การฉีดยาชาจะเจ็บบ้างตอนเข็มผ่านผิวหนัง แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน และคุณหมอบางคนยังใช้สเปรย์เย็นฉีดก่อนฉีดยาชา เพื่อลดอาการเจ็บตอนฉีดยาด้วยครับ
ถอดเล็บต้องฉีดยาชาไหม?
- แน่นอนครับต้องมีการใช้ยาชาช่วย ไม่อย่างนั้นจะเจ็บจนถอดไม่ได้ครับ
ถอดเล็บเองได้ไหม?
- ไม่แนะนำให้ทำเองครับ เนื่องจากเราไม่มีความชำนาญ และอุปกรณ์ในการถอดเล็บ รวมถึงเรื่องความสะอาดด้วย การถอดเล็บเองอาจจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ
การดูแลหลังถอดเล็บ
แผลถอดเล็บ ส่วนใหญ่จะหายใน 1-2 สัปดาห์ และจะหายดีภายใน 1 เดือน ส่วนอาการปวดส่วนใหญ่จะค่อยๆลดลงเมื่อแผลเริ่มหายครับ
เล็บที่ถอดไป จะงอกมาใหม่แต่ช้าๆครับ ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน กว่าเล็บจะงอกมาเต็มพื้นเล็บ
การดูแลรักษาแผลถอดเล็บแนะนำดังนี้
- ทำแผลทุกวัน จนแผลถอดเล็บแห้ง
- รักษาแผลให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ
- ระวังแผลเปียกน้ำ โดยเฉพาะการเดินบนพื้นเปียกๆ และตอนอาบน้ำ
- ทานยาลดปวด ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อาจใช้ชนิดทาน หรือชนิดทา ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- ยกขาสูงบ่อยๆ ทั้งตอนนั่ง และตอนนอน
- ประคบเย็นบริเวณเท้า (หลีกเลี่ยงประคบเย็บบริเวณแผลโดยตรง) เพื่อลดอาการปวด และป้องกันการบวม
- หลีกเลี่ยงการเดินมากๆ และให้งดเล่นกีฬาที่ใช้เท้าไปก่อน
- เลือกรองเท้าใส่ที่ไม่คับเกินไป
ยกขาสูงหลังถอดเล็บ ลดอาการเท้าบวม
ประคบเย็นหลังถอดเล็บ
ทำแผลหลังถอดเล็บ ตามคำแนะนำของแพทย์
คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังถอดเล็บ
ถอดเล็บ ล้างแผลเองได้หรือไม่
- ทำได้ครับ แต่ต้องรักษาความสะอาดให้ดี ควรล้าง และเปลี่ยนแผลวันละ 2 ครั้ง หลังอาบน้ำ
- ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ทำแผลโดยผู้ชำนาญเช่นแพทย์หรือพยาบาลดีกว่าครับ จะทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาลก็ได้ อุปกรณ์ที่ใช้จะสะอาดปราศจากเชื้อ
และถ้าแผลมีปัญหา เช่นติดเชื้อเพิ่มเติม หรือแผลแยก หรือมีหนองที่ระบายไม่หมด จะได้เห็นและจัดการได้ทันการ
ถอดเล็บ ล้างแผลกี่วัน
- ล้างจนกว่าแผลจะแห้งดีครับ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2สัปดาห์ถ้าไม่มีการติดเชื้อ
ถอดเล็บ เลือกใส่รองเท้าอะไรดี
- แนะนำใส่รองเท้าที่ไม่บีบบริเวณที่เป็นแผลถอดเล็บครับ อาจเป็นรองเท้าแตะ หรือรองเท้าเปิดด้านหน้า
- พยายาม ยกขาสูงบ่อยๆ ถอดรองเท้าบ่อยๆ ถ้าทำได้จะช่วยได้มากครับ
ถอดเล็บเองได้ไหม?
- ไม่แนะนำให้ทำเองครับ เนื่องจากเราไม่มีความชำนาญ และอุปกรณ์ในการถอดเล็บ รวมถึงเรื่องความสะอาดด้วย การถอดเล็บเองอาจจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ
ถอดเล็บห้ามกินอะไรบ้าง
- สามารถทานอาหารได้ทุกอย่างครับ ขอให้ปรุงสุกสะอาด
ถอดเล็บราคาเท่าไหร่
ขึ้นอยู่กับว่า ทำที่ไหน ตามสิทธิ์การรักษาหรือไม่ตามสิทธิ์การรักษาครับ
สรุป
การถอดเล็บเป็นหัตถการที่ไม่รุนแรง ไม่เจ็บ และใช้เวลาไม่นานครับ การถอดเล็บจะใช้ในการรักษาเล็บขบชนิดรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่หาย หรือโรคทางเล็บอื่นๆด้วย การถอดเล็บมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเล็บที่มีปัญหาเป็นแบบใด