เล็บขบคือ ขอบเล็บงอกไปเบียดเนื้อข้างเล็บ ทำให้มีอาการเจ็บ บวม แดงอักเสบ บางครั้งอาจมีการติดเชื้อได้ พบได้บ่อยที่นิ้วหัวแม่เท้า และมักพบในวัยรุ่น
แนะนำ อ่านข้อมูลเพื่มเติมเกี่ยวกับเล็บขบได้ที่นี่ครับ
การตัดเล็บมือกับเล็บเท้าของเรามีวิธีการตัดไม่เหมือนกันนะครับ การตัดเล็บมือจะตัดตามความโค้งของเล็บ ส่วนการตัดเล็บเท้า ถ้าเราตัดให้สั้นตามความโค้งของเล็บ เราอาจจะเป็นเล็บขบได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเล็บจะยาวขึ้นมาและไปเบียดและบาดเนื้อข้างเล็บได้ง่ายขึ้น นอกจากการตัดเล็บที่ไม่ถูกวิธีแล้ว การใส่รองเท้าที่คับเกินไปก็ทำให้เล็บขบเป็นได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
อาการเล็บขบ
- ในช่วงแรกเล็บทีขบจะทำให้เนื้อข้างๆเล็บ บวม แข็ง และกดเจ็บ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลให้หาย อาจมีอาการบวมแดงและติดเชื้อเป็นหนองได้
- เล็บขบสามารถเป็นได้กับนิ้วทุกนิ้วเลยครับ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดที่นิ้วหัวแม่เท้า และมักเกิดกับวัยรุ่น
- นักกีฬาที่พบว่าเป็นเล็บขบบ่อย คือนักกีฬาที่ต้องเตะครับ เช่น นักฟุตบอล นักมวยไทย
- อาการเล็บขบอาจเกิดจาก เนื้อข้างเล็บบวมมาเบียดเล็บข้างเนื้อ หรือเล็บข้างเนื้องอกมาบาดเนื้อข้างเล็บก็ได้ (งงไหมครับ) อาการจะมีตั้งแต่ บวม แดง กดเจ็บ จนถึงติดเชื้อมีหนองไหลออกมาจากซอกเล็บ
- ถ้าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานหรือโรคอื่นๆที่ทำให้เลือดมาเลี้ยงปลายเท้าได้ไม่ดี ยิ่งมีโอกาสเกิดปัญหาจากเล็บขบมากขึ้นครับ ต้องระวังให้ดี
- เล็บขบไม่ใช้มีแต่ด้านข้างเล็บนะครับ เล็บขบบริเวณส่วนปลายเล็บก็มีเหมือนกัน ลองอ่านในบทความนี่ดูนะครับ
เล็บขบเกิดจาก
- เล็บผิดรูป มักเป็นตั้งแต่กำเนิด มักจะเป็นเล็บที่กว้างกว่าพื้นเล็บ และขอบเล็บมีลักษณะโค้งจิกเนื้อมากกว่าปกติ
- อุบัติเหตุ เช่นของหล่นใส่นิ้วเท้า หรือเดินเตะของแข็ง เช่นเดินเตะโต๊ะ
- ใส่รองเท้าที่ไม่พอดี จะมีสองแบบนะครับ คือหน้าแคบเกินไป (ทรงรองเท้าไม่เหมาะกับรูปเท้าของเรา) กับรองเท้าที่สั้นเกินไป (เลือกรองเท้าผิดเบอร์ หรือเท้าโตขึ้นในเด็ก)
- ตัดเล็บผิดวิธี อันนี้น่าจะเป็นสาเหตุหลักครับ
การตัดเล็บเท้าที่ถูกวิธี
- ใช้กรรไกรตัดเล็บที่สะอาด คม
- ควรใช้กรรไกรตัดเล็บเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีลักษณะส่วนที่ตัดเล็บตรง ไม่โค้ง
- ถ้าหากรรไกรตัดเล็บเท้าไม่ได้ ควรเลือกกรรไกรตัดเล็บที่อันใหญ่สักหน่อย ส่วนที่ตัดเล็บจะโค้งแต่ไม่มากครับ
- ไม่ตัดเล็บสั้นเกินไป
วิธีการตัดเล็บเท้าที่ถูกต้อง ต้องตัดตรงๆ ไม่โค้ง
ที่ตัดเล็บเท้า ส่วนตัดต้องตรง ไม่โค้ง
การป้องกันการเป็นเล็บขบ
- ตัดเล็บเท้าให้ตรง ไม่โค้ง
- ไม่ตัดเล็บเท้าสั้นเกินไป เนื่องจากเล็บที่สั้นเกินไป เมื่อเราเดินลงน้ำหนัก พื้นรองเท้าจะดันให้เนื้อที่ปลายนิ้วเท้าขึ้นมาเบียดและบาดเล็บได้
- เลือกรองเท้าที่ขนาดพอดี ความยาวพอดี ไม่สั้นเกินไป
- เลือกรองเท้าที่ทรงพอดี หน้าเท้าไม่แคบเกินไป
- ถ้าเป็นคนที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้รับความรู้สึกที่เท้าได้ลดลง เช่นมีอาการชาเท้า ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเลือกรองเท้าและวัดเท้าให้นะครับ เนื่องจากบางทีจะไม่รู้สึกว่ารองเท้าคับเกินไป
- ต้องทำงานที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่เท้า เช่นทำงานโรงงาน ควรใส่รองเท้าเซฟตี้ด้วย
- ควรสำรวจเท้าตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเบาหวาน ซึ่งจะมีปัญหาต่างๆที่เท้าได้ง่าย
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ผู้ที่มีเล็บขบควรได้รับการรักษาทันทีที่สังเกตว่าเป็นนะครับ ถ้าดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ก็จะหายเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์ และไม่ต้องรับการถอดเล็บ
- แช่น้ำอุ่นวันละ 3-4 ครั้งหรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น หลังแช่น้ำอุ่นให้เช็ดเท้าให้แห้งด้วยนะครับ โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บ
- พยายามทำให้เท้าแห้งระหว่างวัน เช่น ถ้าทำงานนั่งโต๊ะ ให้ถอดรองเท้าตอนนั่งทำงาน ลดการอับชื้น
- เลือกรองเท้าที่ขนาดพอดี ทั้งทรงรองเท้า (หน้าที่แคบเกินไป) และขนาดรองเท้า (ไซส์พอดี)
- ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกรองเท้าที่เปิดหน้าเท้า เช่นรองเท้าแตะ
- ใช้ยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ ถ้ามีอาการปวด โดยต้องปรึกษาเภสัชกรเพื่อรับยา
เทคนิคแทรกสำลีแก้เล็บขบ
ให้เราใช้สำลีชิ้นเล็กๆ ค่อยๆยัดแทรกเข้าไปใต้เล็บ บริเวณที่มีเล็บขบ
วิธีนี้ได้ผลถ้าเล็บขบเป็นไม่มากครับ วิธีการคือ หลังจากอาบน้ำ แช่น้ำอุ่น และทำความสะอาดนิ้วเท้าให้แห้งสนิทดีแล้ว ให้เราใช้สำลีชิ้นเล็กๆ ค่อยๆยัดแทรกเข้าไปใต้เล็บ บริเวณที่มีเล็บขบ ไม่ต้องยัดแน่นนะครับ เอาแต่พอสมควร จากนั้นก็ใส่ถุงเท้าไปทำงานได้
การแทรกสำลีควรเปลี่ยนบ่อยๆนะครับ อย่างน้อยหลังอาบน้ำเช้าและเย็น
เทคนิคแทรกสำลีใต้เล็บเพื่อการรักษาเล็บขบที่เป็นไม่มาก
เล็บขบเป็นหนอง ทำอย่างไร
ถ้ามีเล็บขบที่มีหนองเกิดขึ้น แสดงว่าน่าจะมีการติดเชื้อแล้วครับ การรักษาแนะนำว่าควรจะทำการถอดเล็บบางส่วน และทานยาปฏิชีวนะ
แต่ถ้ายังไม่อยากทำ และยังไม่มีอาการมาก ไม่มีบวม แดง เจ็บมาก อาจลองทานยาปฏิชีวนะร่วมกับรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดดูก่อนก็ได้ครับ แต่ควรติดตามอาการกับคุณหมออย่างใกล้ชิด ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ต้องรับการถอดเล็บครับ
เล็บขบมีเนื้อปูด ทำอย่างไร
เนื้อที่ปูดออกมาข้างเล็บ ส่วนใหญ่จะหายเองเมื่อเล็บหายขบครับ ถ้ายังไม่มีอาการติดเชื้อ ลองรักษาด้วยวิธีด้านบนดูก่อน เน้นที่การยัดสำลีครับ
ถ้ามีการติดเชื้อ มีหนอง ร่วมกับมีเนื้อปูดออกมา แนะนำให้ผ่าตัดเพื่อนำเล็บบางส่วนออกครับ หลังผ่าตัดเนื้อที่ปูดออกมาก็จะยุบไปเอง
ถ้าเนื้อปูดออกมาเป็นมาก แม้ว่าจะรักษามาทุกวิธีแล้ว ก็สามารถผ่าตัดเพื่อนำเนื้อที่ปูดออกไปได้ครับ
การรักษาด้วยการผ่าตัด
เมื่อเล็บขบอักเสบมากขึ้น บวม เจ็บ และมีหนอง แปลว่าน่าจะมีการติดเชื้อแล้วครับ แบบนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาจะดีกว่า การรักษาจะประกอบไปด้วยการทานยาปฏิชีวนะ การผ่าตัดเล็กเพื่อนำบางส่วนของเล็บออก ในบางกรณีอาจต้องนำพื้นเล็บบางส่วน หรือเนื้อข้างเล็บที่บวมโตขึ้นมาเบียดเล็บออกด้วยครับ
ถ้าเล็บขบเป็นแบบเรื้อรัง เป็นๆหายๆ ติดเชื้อบ่อย หรือเคยรับการรักษาด้วยการผ่าตัดนำบางส่วนของเล็บออกแล้วแต่ยังเป็นซ้ำ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อนำรากเล็บออกด้วย
โดยจะต้องมีแผลเพิ่มเติมที่โคนเล็บประมาณ 0.5 เซนติเมตรครับ หลังการรักษาด้วยวิธีนี้ เล็บจะไม่งอกออกมาอีก (เฉพาะส่วนที่ขบ) เนื่องจากเรานำเนื้อส่วนที่เป็นตัวสร้างเล็บออกไปแล้วครับ ซึ่งเล็บจะแคบลงนิดหน่อยแต่ช่วยให้ไม่เป็นเล็บขบอีกครับ
อ่านเพิ่มเรื่องการถอดเล็บรักษาเล็บขบได้ที่นี่ครับการผ่าตัดนำรากเล็บออก เพื่อให้เล็บส่วนที่ขบไม่งอกออกมาอีก
การผ่าตัดนำเล็บบางส่วนออกทำอย่างไร
- คุณหมอจะทำความสะอาดเท้าทั้งเท้าก่อนครับ จากนั้นจะฉีดยาชาที่โคนนิ้วหัวแม่เท้า รอประมาณ 5-10 นาทีให้ยาชาออกฤทธิ์ก่อน จากนั้นจะใช้กรรไกรคมๆ ตัดเล็บบางส่วนที่ขบออก ส่วนใหญ่จะเป็น ¼ หรือ 1/5 ของความกว้างเล็บทั้งหมด
- หลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้เลยครับ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล โดยจะได้รับยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดกลับบ้านมาทาน รวมถึงยาลดบวมในบางราย เมื่อถึงบ้านแนะนำให้ยกขาสูงบ่อยๆนะครับ อย่านั่งห้อยขา ประคบเย็นที่ส่วนเท้าได้ และควรเลือกรองเท้าเปิดด้านหน้า สบายๆ เตรียมไว้ล่วงหน้าเลยครับ หลังผ่าตัดจะได้ใช้ได้เลย
- ผ้าก๊อซจะปิดไว้ 2-3 วัน เมื่อแผลแห้งดี ก็ไม่ต้องใช้ก๊อซแล้วครับ และเล็บจะงอกกลับมาสวยเหมือนปกติประมาณ 2-3 เดือนครับ
ชมคลิปวีดีโอผ่าตัดเล็ก เพื่อนำเล็บขบบางส่วนออกครับ ด้านบนครับ
สรุป
เล็บขบเป็นโรคที่พบบ่อยในวัยรุ่น ที่ใส่รองเท้าไม่พอดี หรือตัดเล็บผิดวิธี ถ้าพบและรักษาอย่างถูกต้องก็หายได้เองครับ แต่ถ้าไม่หาย หรือเป็นซ้ำบ่อยๆ การผ่าตัดนำเล็บบางส่วนออกก็ช่วยได้ครับ
บทความโดย นายแพทย์ศุภโชค รัศมีมงคล