อาการปวดข้อเท้าคือ อาการปวด เจ็บ ไม่สบาย บริเวณต่างๆของข้อเท้า อาจมีอาการร่วมเช่น บวม แดง ขยับข้อเท้าได้ลดลง ซึ่งส่งผลถึงการใช้งานข้อเท้า เช่น เดิน วิ่ง ออกกำลัง
การรักษาอาการปวดข้อเท้าส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้งานมากเกินไป หรืออุบัติเหตุต่างๆ การรักษาส่วนใหญ่จะหายด้วยการพัก ประคบเย็น ยกขาสูง ทานยาแก้ปวดที่รับจากร้านขายยา ถ้าเป็นซ้ำบ่อยๆอาจต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเอ็นรอบๆข้อเท้า
ควรพบแพทย์ถ้าอาการเป็นหนัก หรือเป็นเรื้อรัง โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคให้แม่นยำถูกจุดที่สุด แนะนำเรื่องการทำกายภาพ อาจสั่งที่ประคองข้อเท้าให้ใช้ถ้ามีอาการปวดมาก หรือมีความไม่มั่นคง ซึ่งมีหลายแบบ บางอาการอาจได้รับการฉีดยา หรือผ่าตัดเพื่อแก้ไข้อาการปวดให้หายขาดครับ
สาเหตุของอาการปวดข้อเท้า
อาการปวดข้อเท้าสามารถแบ่งออกได้เป็นสาเหตุหลักๆได้แก่
- อุบัติเหตุ
- การใช้งานมากเกินไป พักไม่พอ
- การอักเสบ
- ข้อเท้าบาดเจ็บเรื้อรังจากอุบัติเหตุแล้วรักษาไม่หายขาด
โดยคนที่มีความเสี่ยงมีอาการปวดข้อเท้าได้แก่
-
- คนที่เล่นกีฬาที่ใช้ข้อเท้ามากๆ เช่นกีฬาที่ต้องปะทะ กระโดด หรือวิ่งเปลี่ยนทิศบ่อยๆ
- มีอุบัติเหตุทางข้อเท้ามาก่อนแล้วรักษาไม่หาย
- น้ำหนักตัวมาก
การวินิจฉัยหาสาเหตุอาการปวดข้อเท้านั้น เราจะแบ่งตำแหน่งความปวดเป็นส่วนๆ เพื่อให้หาโรคที่เป็นได้ง่ายขึ้น
ปวดข้อเท้าด้านหน้า
ข้อเท้าขบทางด้านหน้า (anterior ankle impingement)
- เกิดจากกระดูกข้อเท้ากระแทกกันด้านหน้า เนื่องจากมีกระดูกงอกหรือมีเนื้อเยื่ออักเสบไปแทรกในข้อเท้า จะมีอาการปวดหน้าข้อเท้าขณะกระดกข้อเท้าขึ้นอย่างแรง พบในนักกีฬาที่ใช้ข้อเท้ามากๆ เช่นนักฟุตบอล นักบาส
เอ็น Syndesmotic บาดเจ็บ
- คนที่มีภาวะนี้ จะมีข้อเท้าพลิกนำมาก่อนซะส่วนใหญ่ครับ ซึ่งขณะข้อเท้าพลิก กระดูกข้อเท้าจะบิดหมุนจนเอ็นเส้นนี้บาดเจ็บ จะมีอาการเจ็บข้อเท้าด้านหน้า เยื้องไปด้านข้าง (ตามภาพ)
- นอกจากเจ็บข้อเท้าตำแหน่งนี้แล้ว ยังมีอาการปวดเสียวตอนหมุนตัว เช่นเดินเลี้ยว หรือเปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็วขณะเล่นกีฬา บางคนยืนหรือกระโดดขาเดียวไม่ได้เลยครับ เนื่องจากปวดบริเวณนี้มาก
ข้อ Talo-Navicular อักเสบหรือสึก
- ข้อนี้จะอยู่ต่ำลงมาหน่อยครับ ถ้าใครเจ็บบริเวณนี้ ก็อาจมีภาวะนี้ได้ ส่วนใหญ่จะเจ็บตอนยืนเขย่ง จังหวะถีบตัวส่งขณะก้าวเดิน
ปวดข้อเท้าด้านข้างนอก (ด้านตาตุ่มนอก)
บริเวณด้านนี้มีอวัยวะที่สำคัญหลายอย่าง เราจะยึดตำแหน่งของตาตุ่มนอกเป็นหลักครับ
เจ็บด้านหน้าตาตุ่มนอก
- พบได้บ่อยมากในคนที่เคยมีข้อเท้าพลิกครับ ส่วนใหญ่จะมีเอ็นบริเวณนี้บาดเจ็บ ถ้าพลิกรุนแรงก็มีเอ็นขาดได้ ทำให้เจ็บข้อเท้าเรื้อรังครับ ถ้ามีเอ็นฉีกและร่างกายรักษาไม่หายขาด ก็อาจทำให้มีข้อเท้าหลวมและข้อเท้าพลิกซ้ำได้ง่ายครับ
เจ็บด้านหลังตาตุ่มนอก
- ตำแหน่งนี้เป็นบริเวณที่มีเอ็น peroneus อยู่ครับ จะเห็นว่าเอ็นนี้มี 2 เส้น ถ้ามีอุบัติเหตุนำมาก่อน ก็อาจทำให้เอ็นตึงตัวและเสียดสีกันเองและมีเอ็นฉีกขาดได้ ทำให้ปวดบริเวณหลังตาตุ่มนอก โดยเฉพาะตอนเล่นกีฬาครับ
- อีกภาวะนึงที่พบไม่บ่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่หายเอง ก็คือเอ็นหลุดจากร่องครับ คนที่มีภาวะนี้จะรู้สึกกรึ๊บๆ (เอ็นหลุดจากร่องและกลับเข้าร่อง) อยู่หลังตาตุ่มนอกขณะขยับข้อเท้า และมีประวัติอุบัติเหตุนำมาก่อนครับ
เจ็บด้านใต้ตาตุ่มนอก
- ส่วนนี้มีได้หลายโรคครับ แต่โรคที่พบบ่อยคือ อาการบาดเจ็บของข้อใต้ข้อเท้า (Subtalar joint) โดยอาการจะปวด เสียวบริเวณนี้ตอนเดินบนพื้นที่ที่ไม่เรียบ เช่นพื้นตัวหนอน พื้นหญ้า พื้นดินแดง
เจ็บบริเวณตาตุ่มด้านนอก
- ถ้าเป็นคนที่ต้องทำงานนั่งขัดสมาธิหรือพับเพียบเป็นประจำ อาจเกิดจากถุงน้ำอักเสบที่บริเวณตาตุ่มนอกได้ครับ จะคลำได้ก้อนถุงน้ำนิ่มๆ กดเจ็บ
ปวดข้อเท้าด้านข้างใน (ด้านตาตุ่มใน)
เจ็บใต้ตาตุ่มด้านใน (medial ankle sprain)
- ถ้าเจ็บบริเวณนี้ มักเป็นที่เอ็น deltoid นะครับ เป็นเอ็นที่ยึดตาตุ่มในกับกระดูกข้อเท้า มักมีประวัติอุบัติเหตุนำมาก่อน เช่นข้อเท้าพลิก
เจ็บตามแนวเส้นเอ็นประคองข้อเท้า (posterior tibial tendinitis)
- เอ็นประคองข้อเท้าเส้นนี้ชื่อว่า posterior tibial tendon ครับ จะพบในคนที่ใช้งานข้อเท้าซ้ำๆ เช่นนักวิ่งมาราธอน นักจักรยาน หรือนักบาสที่กระโดดเป็นประจำ อาจมีประวัติเพิ่มการฝึกในช่วงนี้ เช่นซ้อมเตรียมไปแข่ง หรือตารางการซ้อมเข้มข้นมากขึ้น
เจ็บตามแนวเส้นประสาทข้อเท้าร่วมกับมีเท้าชา (tarsal tunnel syndrome)
- ถ้ามีอาการปวดข้อเท้าด้านใน ร่วมกับมีปวดร้าวขึ้นน่อง ชาเท้า กดบริเวณเส้นประสาทแล้วเจ็บ ก็อาจจะเป็นโรค เส้นประสาทข้อเท้าอักเสบได้ครับ
ปวดข้อเท้าด้านหลัง
เอ็นร้อยหวายอักเสบ
- พบในคนไข้ที่ใช้งานข้อเท้าหนักๆ เช่นไปวิ่งมาราธอนมา หรือไปปีนเขามา จะกดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย (3-5 เซนติเมตรจากจุดเกาะเอ็นร้อยหวายขึ้นมา)
จุดเกาะเอ็นร้อยหวายอักเสบ
- พบในคนที่ใช้ข้อเท้ามากๆ ทำงานด้วยการยืน เดิน วันละหลายๆชั่วโมง มีการบาดเจ็บสะสมมานาน จะกดเจ็บบริเวณจุดเกาะเอ็นร้อยหวาย อาจคลำได้กระดูกงอกตุ่ยๆออกมาด้วย
ข้อเท้าขบทางด้านหลัง
- โรคนี้พบได้บ่อยในนักกีฬาที่ต้องกระโดดเช่นนักบาส หรือใช้ข้อเท้าลักษณะจิกบ่อยๆเช่นนักฟุตบอลตอนเตะบอลด้วยหลังเท้า อาการจะมาด้วยปวดข้อเท้าด้านหลัง แต่อาการปวดจะอยู่ด้านหน้าต่อเอ็นร้อยหวาย (กดบริเวณเอ็นร้อยหวายจะไม่เจ็บ)
- เอกซเรย์อาจจะพบกระดูกงอกยื่นออกมาแบบในภาพครับ
ปวดข้อเท้าลึกๆ รอบๆ ข้อเท้า
ข้อเท้าสึก
- จะมีอาการเดินแล้วเจ็บ ปวด เสียวลึกๆในข้อเท้า หาจุดกดเจ็บไม่เจอ เกิดจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อเท้าบาดเจ็บและสึกไป ทำให้เกิดกระดูกแข็งกระแทกกัน เสียดสีกัน ขณะเดินใช้งาน ส่วนใหญ่จะมีประวัติอุบัติเหตุข้อเท้าอย่างรุนแรงนำมาก่อน และอาการจะเป็นเรื้อรัง
- อ่านเพิ่มเกี่ยวกับข้อเท้าเสื่อมได้ที่นี่ครับ
เกาต์
- เกาต์คือโรคที่มีกรดยูริคในเลือดสูง โดยปกติแล้วกรดยูริคในร่างกายจะขับออกไปกับปัสสาวะ ถ้ามีกรดยูริคในเลือดสูง จะทำให้มีการสะสมผลึกเกาต์ในข้อ ซึ่งทำให้เกิดข้ออักเสบได้ครับ
- โรคเกาต์จะมีอาการปวดมาก ปวดแบบสุดๆ ปวดทรมาน ปวดเดินแทบไม่ได้ ข้อเท้าบวม แดง อุ่น อาการมักเป็นตอนกลางคืน อาจมีอุบัติเหตุนำมาก่อนหรือไม่ก็ได้ครับ
ข้อเท้าติดเชื้อ
- การติดเชื้อในข้อต่างๆเป็นภาวะอันตรายมากๆนะครับ ต้องรักษารักษาโดยแพทย์เท่านั้น อาจต้องทำการเจาะข้อ หาเชื้อโรค และให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำ
- เชื้อโรคมาที่ข้อเท้าได้ 3 ทางหลักๆครับ ได้แก่ แผลบริเวณข้อเท้า ทำให้สิ่งสกปรก และเชื้อโรคเข้าข้อเท้าได้, มาทางเลือด เช่นมีกระเพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อ เชื้อโรคก็มาอักเสบที่ข้อได้เช่นกัน, มาทางเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่นมีฝีที่หน้าแข้ง หรือแผลเรื้อรังบริเวณขา เชื้อโรคก็มาที่ข้อเท้าได้ครับ
- อาการจะมีไข้ ปวดข้อเท้ามาก บวมแดง ขยับข้อเท้าแล้วปวดมาก
นอกจากโรคหรือภาวะที่กล่าวมาแล้วยังมีสาเหตุอีกมากเลยนะครับ ถ้ามีอาการปวดมาก พักไม่หาย หรือปวดเรื้อรัง ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์นะครับ
สรุป
อาการปวดข้อเท้าสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแยกได้ตามตำแหน่งที่มีอาการ ถ้าพัก ประคบเย็น ทานยาจากเภสัชกรแล้วไม่ทุเลา หรือเป็นเรื้อรังสามารถพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุได้ครับ
บทความโดย นายแพทย์ศุภโชค รัศมีมงคล